คำสอนใจ

คำสอนใจ

วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

บทความดีดีสำหรับคนมีความทุกข์

คุณเคยรู้สึกไหม ว่าชีวิตช่างลำบาก
คุณไม่อยากอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างที่เป็นอยู่ 
คุณรู้สึกว่า ชีวิตนั้นเป็นทุกข์ 
อาชีพการงานไม่ได้ดั่งใจ อะไร ๆ ก็ผิดพลาดไปหมด? 

เรื่องราวต่อไปนี้ อาจจะเปลี่ยนแปลง
“ทัศนคติ” ที่คุณมีต่อชีวิตคุณได้ 

ผมสนทนากับเพื่อนคนหนึ่ง ถึงแม้ว่า เขาจะทำงานสองอย่าง 
รายได้แต่ละเดือนหักลบรายจ่ายแล้วยังเหลือแค่พันกว่า 
แต่เขาก็มีความสุขมากแล้ว 
ผมแปลกใจมากที่เขามีความสุขขนาดนั้น 
เพราะเขามีรายได้น้อย 

ต้องประหยัดมัธยัสถ์จึงจะพอมีเหลือเลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่สูงอายุ 
พ่อตาแม่ยาย ภรรยาและลูกสาวอีกสองคน 
ไหนจะค่าใช้จ่ายต่าง ๆ 
จุกจิกภายในครอบครัว
 

เขาอธิบายให้ฟังว่า
เป็นเพราะหลายปีก่อนเขาได้เห็นเหตุการณ์บางอย่างที่ประเทศอินเดีย 
ขณะนั้นเขา ประสบปัญหาที่สาหัสมาก 
สภาพจิตใจตกต่ำจึงไปเที่ยวอินเดียเพื่อให้สบายใจขึ้น 
เขาได้เห็นกับตา ผู้หญิงชาวอินเดียคนหนึ่ง 
ถือมีดอีโต้ตัดแขนขวาของลูกตัวเอง 
สายตาที่หมดหวังของผู้หญิงคนนั้น 
และเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดของเด็กอายุสี่ขวบ 
จนบัดนี้ยังวนเวียนอยู่ในใจเขามิรู้ลืม 
คุณอาจจะถามว่า 
ทำไมแม่คนนั้นจึงต้องทำเช่นนี้ ? 
เป็นเพราะลูกของเธอซุกซนเกินไปหรือเปล่า ? 
หรือเป็นเพราะแขนของเด็กติดเชื้อ ? 

...ไม่ใช่... 


 
ที่แท้ทำไปเพื่อให้เด็กสามารถไปขอทานตามถนน 
แม่ผู้สิ้นหวังคนนั้นจงใจทำให้ 
ลูกตัวเองพิการ เพื่อเขาสามารถออกขอทานตามท้องถนนได้ 

เพื่อนของผมคนนี้ตกใจแทบช๊อก
ขนมปังในมือของเขาที่เพิ่งกินได้ครึ่งก้อนตกหล่นลงพื้น 
ทันทีทันใดก็มีเด็กๆ ห้าหกคนกรูกันเข้ามา 
แย่งชิงขนมปังที่เลอะทรายบนพื้น 
เหมือนกับปฏิกิริยาอัตโนมัติเวลาผจญกับความหิวโหย 
เขาตกใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว 

ไกด์ของเขาขับรถพาเขาไปยังร้านขนมปังที่ใกล้ที่สุด 
เขาเข้าไปในสองร้านของละแวกนั้น ขอซื้อขนมปังทั้งหมดในร้าน 
เจ้าของร้านขนมปังแปลกใจมาก แต่ก็ยินดีขายขนมปังทั้งหมดให้เขา 
เขาใช้เงินทั้งหมดไม่ถึงหนึ่งร้อยเหรียญ 
ซื้อขนมปังมาประมาณสี่ร้อยกว่าก้อน 
(ตกก้อนละไม่ถึง 25 เซน) 

แล้วใช้อีกหนึ่งร้อยเหรียญซื้อของใช้ประจำวัน 
และแล้ว เขาก็นั่งบนรถบรรทุกที่บรรทุกขนมปังไว้เต็มคันรถ 
ขับไปบนถนน ขณะที่เขาแจกจ่ายขนมปังและของใช้ประจำวันให้กับเด็ก ๆ 
ซึ่งพิการเป็นส่วนใหญ่นั้น 
พวกเขาล้วนโค้งคำนับให้ด้วยความดีใจ นั่นเอง 
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาคิดได้ว่า 
ทำไมคนเราจึงสามารถละทิ้งศักดิ์ศรีของตนเองเพียงเพื่อชิ้นขนมปัง 
ราคาไม่ถึง 25เซน 

เขาเริ่มบอกตนเองว่าตนเองนั้นโชคดีแค่ไหน
เขามีร่างกายครบสามสิบสอง 
มีอาชีพการงาน มีครอบครัว 
มีโอกาสบ่นว่าอาหารชิ้นไหนดี อาหารชิ้นไหนไม่อร่อย 
มีโอกาสสวมใส่เสื้อผ้า 
มีโอกาสครอบครองสิ่งของมากมายที่คนเหล่านี้ไม่มี 

ตอนนี้ ผมเริ่มคิดได้และตระหนักได้ว่า 
ชีวิตของผมมันย่ำแย่จริงหรือ ? 
บางทีมันอาจไม่ได้ย่ำแย่ขนาดนั้นก็ได้ คุณละ ? 
บางทีเมื่อครั้งหน้าคุณรู้สึกว่า ชีวิตของตนกำลังย่ำแย่ 
ลองคิดถึงเด็กคนที่ต้องเสียแขนเพื่อเป็น ขอทานคนนั้นดูสิ ! 

“ความรู้สึกพอ”
 


ไม่ใช่มาจากการเติมเต็มสิ่งที่คุณต้องการ 
แต่มาจากการตระหนักว่า คุณมีมากมายและเพียงพอ 

เมื่อประตูแห่งความสุขปิดลง ประตูอีกบานหนึ่งก็จะเปิดออก
แต่บ่อยครั้งเรามัวแต่จ้องบานประตูที่ปิดลงเท่านั้น
ไม่ได้สังเกตเห็นประตูอีกบานหนึ่งที่เปิดออกเพื่อเรา
จริงอยู่ พวกเรามักจะรู้ว่าตนเองมี
ก็ต่อเมื่อเราสูญเสียมัน
แต่พวกเราก็ต้องคอยจนกว่าของสิ่งนั้นมาถึง
จึงจะรู้ตัวว่า เราไม่มีมัน

การมอบความรักทั้งหมดให้กับผู้อื่น
มิได้หมายความว่า เราจะได้รับความรักตอบกลับมาอย่างเท่าเทียมกัน
อย่าหวังว่า รักผู้อื่นแล้วผู้อื่นจะรักตอบ
จงสนใจแค่ให้ความรักนั้น เติบโตขึ้นในใจพวกเขา
แต่ถ้าไม่เติบโตขึ้นเลยก็จงพอใจกับความรักที่เติบโตขึ้นในใจของคุณเอง

หนึ่งนาทีจึงจะทำลายคน ๆ หนึ่งได้
หนึ่งชั่วโมงจึงจะชอบคน ๆ หนึ่งได้

หนึ่งวันจึงจะรักคนๆ หนึ่งได้

แต่ต้องใช้เวลาตลอดชั่วชีวิต

จึงจะลืมคน ๆ หนึ่งได้

จงอย่ามองเพียงรูปภายนอก เพราะสักวันมันจะหลอกคุณ
จงอย่ามองแค่ความร่ำรวย ทรัพย์สมบัติ เพราะสักวันมันจะซีดจางลง
หาใครสักคนที่ยิ้มให้คุณ เพราะเมื่อมีรอยยิ้ม
จะทำให้อารมณ์ของคุณดีขึ้น
หาใครสักคนที่ทำให้คุณอมยิ้มได้จากใจจริง

บางครั้งเมื่อคุณคิดถึงใครสักคน
ความคิดถึงนั้นอาจถึงขั้นให้คุณคว้าตัวเขาออกมาจากความฝัน 
โอบกอดตัวเขาเอาไว้ ไล่ตามความฝันของคุณเอง 

ไปยังที่ ๆ คุณอยากไป
เป็นอย่างคนที่คุณอยากเป็น
เพราะคุณมีเพียงชีวิตเดียว
ซึ่งหมายถึง...มีเพียงโอกาสเดียวในการทำสิ่งที่คุณอยากทำ



จากฟอร์เวิร์ดเมล์...
ขอบคุณที่มาค่ะ :
http://board.palungjit.com/f8/บทความดีดีสำหรับคนมีความทุกข์-209691.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น